ม่านจีบ (Pleated Curtains)
หากนึกถึงผ้าม่าน สิ่งที่เพื่อนๆ จะนึกถึงขึ้นมาได้ก่อนเป็นลำดับแรกคงหนีไม่พ้น ม่านจีบ ใช่ไหมเอ่ย? เพราะม่านจีบถือเป็นแบบม่านที่ให้ความรู้สึกคลาสสิค และเป็นแบบผ้าม่านมาตรฐาน
ม่านจีบ คือ ผ้าม่านดีไซน์คลาสสิค มีลักษณะเด่นคือ การจับจีบ 3 จีบเล็กๆ ด้านบน ในส่วนด้านล่างจะปล่อยผ้าม่านทิ้งลอนลงมาให้ดูสวยงาม ม่านจีบสามารถนำไปแต่งบ้าน แต่งคอนโด และในทุกสถานที่ได้อย่างลงตัว
ส่วน รางผ้าม่านจีบ นั้น จะมีรางให้เลือกใช้ 2 แบบ คือ รางอลูมิเนียม และรางโชว์ โดยรางอลูมิเนียมจะมีจุดเด่นที่ใช้งานได้ง่าย แข็งแรงทนทาน สามารถใช้ได้กับบานหน้าต่าง หรือประตูที่มีขนาดใหญ่มาก อีกทั้งมีราคาไม่แพง
ส่วนรางโชว์นั้น จะมีวัสดุของรางให้เลือกหลายชนิด และมีจุดเด่นที่หัวประดับของราง ซึ่งมีให้เลือกหลายแบบหลายสไตล์
จุดเด่นของผ้าม่านจีบ คือ สามารถใช้งานได้สะดวก มีราคาไม่แพง (ถูกกว่า ม่านตาไก่ เล็กน้อย เพราะใช้วัสดุอุปกรณ์น้อยกว่า) สามารถปรับตกแต่งได้กับหลากหลายสไตล์ อาทิ เช่น โมเดิร์น คลาสสิค หรือวินเทจ
เนื้อผ้าม่านจีบมีแบบไหนบ้าง?
- ผ้าม่านธรรมดา ลักษณะของเนื้อผ้าม่านที่ใช้ จะเป็นใยผ้าธรรมชาติ เช่น ผ้า Cotton เนื้อผ้าม่านชนิดนี้ จึงมีแสงทะลุผ่านได้ค่อนข้างเยอะ ผ้าม่านแบบธรรมดาจะโดดเด่นด้านลวดลายและสีสันบนตัวผ้า ที่หลากหลายมากกว่าผ้าม่านกันแสงแบบ Dimout แต่ประโยชน์ด้านการกันแสง จะสู้ผ้าม่านแบบกันแสงโดยตรงไม่ได้
- ผ้าม่าน Dimout กันแสง ลักษณะของเนื้อผ้าม่านส่วนใหญ่เป็นผ้าใยสังเคราะห์ เช่น Polyester ปัจจุบันด้วยลักษณะการทอผ้าม่านกันแสงแบบพิเศษที่มีเส้นด้ายสีดำ ทำให้ผ้าม่านกันแสงแบบ Dimout สามารถช่วยกันแสงที่ส่องเข้ามาในห้องได้มากถึง 80-95% (สีของผ้าม่านจะมีผลต่อปริมาณแสงที่ส่องผ่านเข้ามาในห้องโดยตรง) แต่สีของผ้าม่านชนิดนี้ส่วนใหญ่เป็นสีพื้น ด้านลวดลายและลูกเล่นต่างๆ บนตัวผ้าม่านจะมีน้อยกว่าผ้าม่านแบบธรรมดามาก
- ผ้าม่านกันแสง (Blackout) ลักษณะของเนื้อผ้าม่านกันแสงชนิดนี้ จะมีด้วยกันหลายประเภท ทั้งแบบที่เป็น PVC และแบบผ้าใยสังเคราะห์ผสม สามารถช่วยลดความร้อนและรังสียูวีที่ส่องผ่านเข้ามาในห้องได้แบบ 100% ผ้าม่านกันแสงชนิดนี้ใช้ซับหลังเท่านั้น (เป็นผ้าม่าน 2 ขิ้นแนบติดกัน) นอกจากนี้ผ้าซับหลังบางตัวยังมีคุณสมบัติพิเศษในการป้องกันการลามไฟอีกด้วย
- ผ้าม่านโปร่ง (Sheer Fabric) ลักษณะของเนื้อผ้าม่านโปร่งที่ใช้ จะเป็นผ้าใยสังเคราะห์ เช่น Polyester เนื้อของผ้าม่านโปร่ง เป็นผ้าเนื้อบาง ช่วยพรางสายตาและเพิ่มความเป็นส่วนตัวจากภายนอก แต่ยังคงเห็นทิวทัศน์จากนอกหน้าต่างได้อย่างไม่อึดอัด ผ้าม่านโปร่งยังช่วยเพิ่มความสวยงาม และทำให้บรรยากาศแสงภายในห้องดูนุ่มนวล สบายตา
สามารถใช้ม่านจีบกับจุดใดในบ้านได้บ้าง?
ห้องนอน : เหมาะจะใช้ม่านจีบ เพราะการทิ้งตัวเป็นลอนสวยงามของผ้าม่าน จะช่วยเสริมให้บรรยากาศในห้องน่านอน ม่านจีบยังช่วยปิดบังแสงลอดแยงตาได้ดี โดยเฉพาะในช่วงเช้า เพราะแสงอาจลอดผ่านมารบกวนสายตาของเพื่อนๆ ได้ เวลาเช้าที่ยังไม่อยากตื่นนอน ไม่มีใครอยากให้อะไรมารบกวนแน่นอน การเลือกใช้ม่านจีบที่มีความยาวถึงพื้น จะช่วยให้ห้องที่มีหน้าต่างบานเล็กดูดีมีสไตส์ มองแล้วสบายตา หรือจะติดม่านจีบโปร่งควบคู่ไปด้วย ยิ่งสร้างบรรยากาศหวานๆ ชวนให้น่าเคลิ้มหลับได้ดีทีเดียว
ห้องนั่งเล่น : ห้องนั่งเล่นนั้นสามารถเลือกใช้ผ้าม่านได้หลากหลายแบบ แต่ม่านจีบจะเหมาะกับห้องนั่งเล่นตรงที่ขนาดหน้าต่างของห้องนั่งเล่นนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นบานหน้าต่างขนาดใหญ่ ม่านจีบจึงเหมาะกับหน้าต่างที่มีบานใหญ่แต่ไม่สูงมากนัก ในบานที่มีการใช้งานเปิด-ปิดบ่อย ม่านจีบจะสะดวกและตอบโจทย์ที่สุด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการแต่งห้องด้วยม่านจีบ ต้องมองถึงสไตล์การตกแต่งห้อง ขนาดหน้าต่าง รวมถึงการใช้งานของผู้อยู่อาศัยด้วย